โดยจากกล้องวงจรปิดจับภาพเมื่อเวลา 05.57 น. ของวันที่ 31 ม.ค. 66 บันทึกภาพขณะที่ชายคนหนึ่งสวมหมวกกันน็อกขี่รถจยย.ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ตรงเข้ามายังหน้ากุฏิก่อนที่จะเคาะประตูเรียกหลวงตาชื้นออกมาแล้วทำทีของแลกเงิน
หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็ขี่รถจยย. ออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาช่วงเวลา 08.46 น.หลังเกิดเหตุภาพจากกล้องวงจรปิดก็บันทึกภาพได้ในขณะที่หลวงตานั้นเกิดอาการชักและหมดสติไป พระลูกวัดจึงช่วยกันทำการปั๊มหัวใจและนำส่งรพ.พระนั่งเกล้า
ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดความคืบหน้าไปยังวัดปากน้ำนนทบุรี ถ.พิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ศพของหลวงตาชื้นถูกตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่ศาลา 3
พระมหาทรงศักดิ์ จิรสุโภ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เผยว่าวันที่เกิดเหตุพระลูกวัดช่วยกันปั๊มหัวใจหลวงตาชื้น ตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่กุฎิมีคนวิ่งมาบอกว่าหลวงตาชื้นช็อกหมดสติไป ตอนแรกปั๊มหัวใจ 5 นาที ตอบสนอง แต่ภายหลังก็สิ้นใจ ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปีที่แล้วหลวงตาก็เคยโดนหลอกเงินไป 3,000 บาท และวันนี้มาโดนอีกรอบนึง แต่หลวงตาจำได้ว่าคนเดิมหรือไม่ที่เคยมาก่อเหตุ ท่านเครียดเพราะเรื่องเงิน 5,000 บาทนี้ที่โดนหลอกไป คนดูแลต่างบอกกันทุกคนว่าเพราะเรื่องนี้ เพราะปกติหลวงตาเป็นคนอารมณ์ดี
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดฝาง ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้พูดคุยกับ หลวงพ่อโชติวรรณโณ พระลูกวัดฝาง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ให้ดูคลิปวงจรปิดที่ได้จากวัดปากน้ำ ถึงลักษณะรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่มาก่อเหตุกับหลวงพ่อชื้น ซึ่งหลวงพ่อโชติวรรณโณ เมื่อได้เห็นคลิปและกล่าวว่า คนนี้แน่นอนที่มาก่อเหตุกับตน เพราะจำสีของรถมอเตอร์สีเขียวได้อย่างชัดเจน
หลวงพ่อโชติวรรณโณ เล่าว่า ช่วงเวลาตีห้าคนร้ายได้จอดรถไว้ใต้กุฏิและเดินขึ้นมาหาตนที่หน้ากุฏิชั้น 2 โดยถือซองเงินสีขาวประมาณ 5-6 ซองไว้ในมือ และกล่าวกับตนว่าขอแลกเงินสองพันหน่อย เพราะจะใส่ซองทำบุญให้กับพระ เพราะคนร้ายบอกว่ามีแต่แบงค์พัน
หลังจากนั้นตน จึงนับแบงค์ย่อยและยื่นเงินให้แล้ว คนร้ายก็รับไปและบอกว่าเดี๋ยวกลับไปเอาเงินให้ เพราะเงินอยู่ในรถ หลังจากนั้นเมื่อถึงรถมอเตอร์ไซค์คนร้ายก็ขึ้นรถขี่หนีออกไปทันที หลังจากก่อเหตุตนเองก็ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะไม่คิดว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุกับหลวงพ่อชื้นทำให้ท่านช็อกจนมรณภาพ
ที่ผ่านมาพระสงฆ์ที่วัดนี้เจอกับมิจฉาชีพหลายรูปแบบ เช่น อ้างว่าจะมาจัดงานศพ ขอยืมเงินจัดงานก่อน หรืออ้างว่าแม่ป่วยมาขอยืมเงิน ซึ่งพระที่พรรษามากก็จะรู้ทัน แต่ตนพรรษาน้อยก็ไม่คิดว่าญาติโยมจะมาหลอกพระ หลังจากนี้ตนจะระวังตัวมากขึ้น