เปิ้ล ไอริณ ชนะคดี ฟ้องกลับพิธีกรดัง 5 ล้าน ข้อหาฟ้องเท็จ

หลังเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลปทุมธานีได้มีคำสั่งยกฟ้อง ในกรณีที่พิธีกรชื่อดัง อักษรย่อ ปป. ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว” ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 67) “เปิ้ล ไอริณ” ก็ได้เปิดใจ หลังมาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ปลาบู่ทอง โดยเผยว่าเตรียมจะฟ้องกลับพิธีกรคนดังกล่าวในข้อหาฟ้องเท็จ พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ซึ่งหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ก็จะนำเงินส่วนนี้ไปเป็นกองทุนสาธารณกุศลต่อไป

โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่า เปิ้ลได้รับคำยกฟ้องจากศาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเปิ้ลรู้สึกว่าเปิ้ลไม่ได้รับความเป็นธรรมหลายๆ เรื่อง และมีอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่มีใครเคยรับรู้เลย รับรู้แต่ในด้านที่เขาออกมาแถลง เปิ้ลก็เป็นแค่นักแสดงอิสระคนหนึ่ง ไม่ได้มีไมค์ มีสื่อในมือเหมือนพวกเขา เปิ้ลไม่ควรได้รับการกระทำแบบนั้น

วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลได้ยกฟ้องคดีที่คุณ ปป.ไปแจ้งว่า เปิ้ลหมิ่นประมาทเขา ในรายการและในเฟซบุ๊ก เขาฟ้องและเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท แต่ในมุมมองของเปิ้ลรู้สึกไม่เป็นธรรม และมีอีกหลายอย่างที่คนยังไม่รู้ ประเด็นแรกคือมีคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมนักข่าว บ. ที่เขาเคยทำพีอาร์ และเคยมาช่วยดูแลเปิ้ล คือคนเป็นพีอาร์เขาก็ต้องพาไปที่ดีๆ หรือพาเราไปในที่ที่มีชื่อเสียงขึ้น แต่ก่อนหน้านั้นเรามีปากเสียงกัน เนื่องจากเขานำงานของเราไปให้ดาราคนหนึ่ง ซึ่งเคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน เราเลยเตือนเขาว่า เปิ้ลไม่โอเคนะ เพราะผู้ใหญ่โทร.มาบอกเปิ้ล ว่า บ.เอางานเปิ้ลไปขายให้ เปิ้ลก็เตือนเขาว่าอย่าเอาคนนี้ได้ไหม เพราะดาราคนนี้เขาก็เคยเกี่ยวกับเปิ้ล และขโมยของรักเปิ้ล

หลังจากนั้นเขาก็เอางานเปิ้ลไปให้ดาราคนนี้อีก ต่อหน้าเปิ้ลเลย เปิ้ลก็เลยเตือนว่า ถ้ายังเอางานเปิ้ลไปขายคนนี้เรื่อยๆ เราคงต้องเลิกทำงานด้วยกันแล้ว เขาก็บอกโอเค งั้นให้คนอื่นทำแทนเลย แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นเขาถึงติดต่อเปิ้ลมา ก็รู้ว่าเราหมดผลประโยชน์หรือเปล่า ถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่เขาติดต่อพูดดีมาก บอกว่าเห็นแม่ลงข่าวซัปพอร์ตสถาบัน เลยอยากพาไปรายการของเพื่อนคือไอ้ปป. เป็นเพื่อนสนิทเลย เราก็ถามว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองใช่ไหม เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยวเลย เขาใช้คำว่าไปเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้เด็กๆ มันเป็นคำเดียวที่ทำให้เปิ้ลตัดสินใจไป เพราะอยากจะรับผิดชอบต่อสังคม ก็ไปโดยย้ำกับเขาตลอดว่า ห้ามสัมภาษณ์การเมืองเด็ดขาด

“แล้วเราก็บอกว่าส่งสคริปต์มา เขาก็บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ แต่เขาผลัดทุกวัน จนวันจะถ่าย เราก็บอกว่าถ้าไม่ส่งมาไม่ไปถ่ายนะ เขาก็ส่งมาเป็นหัวข้อ 1.การสนับสนุนซัปพอร์ตเรื่องลูกเสือ วัฒนธรรมไทยกับเด็กๆ 2.เรื่องที่เปิ้ลโดนแคนเซิลงาน แต่พอไปถึง พิธีกรป.คนนี้เขาสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 90 เปอร์เซ็นต์เป็นการเมืองหมดเลย แล้วเขาก็เอารูปลุงตู่ (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) มาชูแล้วถามว่า ทำไมถึงซัปพอร์ตคนนี้ ทำไมถึงชอบและสนับสนุนลุงตู่ ตอนนั้นความรู้สึกคือเปิ้ลมาทำอะไรที่นี่ แต่ความไม่อยากให้เขาเสียหน้า เราก็ตอบไป แต่คำพูดที่ออกมามันมีลักษณะพยายามสร้างความเกลียดชัง ทำไมเขาไม่ถามความเห็นของเปิ้ลต่อนักการเมืองคนอื่นหรือฝ่ายอื่นบ้าง ที่เป็นแคนดิเดตในตอนนั้น เขาปล่อยให้เปิ้ลพูดเรื่องลุงตู่ และตัดท่อนนั้นไปลงให้สื่อของเขา โดยไม่ได้ขออนุญาตเลย

และมีช่วงที่เปิ้ลเริ่มพูดเรื่องลูกเสือ และบอกว่ายังเห็นด้วยจะยกเลิกทำไม แล้วเขาก็บอกว่า เดี๋ยวมีอาจารย์จะคุยกับคุณเปิ้ลนะคะ เปิ้ลก็บอกว่าไม่คุย แต่เขาบอกว่าอาจารย์ฟังอยู่ไหมคะ กลายเป็นอาจารย์เจษฎา แอบฟังเปิ้ลตั้งแต่ต้น เปิ้ลก็เหวอกลางรายการ แล้วเขาก็พูดว่าเปิ้ล อย่าไปติดกับอดีตให้มากเลย ตอนผมเด็กๆ อะนะ เราก็เลยบอกอ้าว แล้วอาจารย์พูดถึงอดีตทำไม แต่พิธีกรปป.เขาก็ชี้หน้าเปิ้ล ด่าเปิ้ลเป็นชุดไม่ให้เปิ้ลพูด ว่าพี่เปิ้ลไม่ให้เกียรติแขกรับเชิญของหนู

ซึ่งเปิ้ลก็เริ่มเหลือบไปที่หน้าจอ จอขึ้นว่าเปิ้ล สนับสนุนลุงตู่ เปิ้ลก็เริ่มจะร้องไห้แล้วว่า มาอยู่ตรงนี้ทำไม รู้สึกเสียใจที่ไว้ใจคน (เหมือนรายการเราไปยำ?) ใช่ คือตั้งใจเอาไปโดนตรงเลย แต่ที่แย่มากกว่านั้น คือคุณ บ. บอกว่างานนี้ได้ค่าตัว 10,000 บาท แล้วนักข่าวจะมารอสัมฯ นะ เรื่องถูกแคนเซิลงาน แต่พอไปถึงเป็นนักข่าวการเมืองหมดเลย แล้วก็ถามเกี่ยวกับการเมืองทั้งหมด เราก็คิคว่า ทำไมต้องคุยเรื่องการเมืองด้วย มีแต่จะยุแหย่ให้แตกแยก ทำให้คนไม่สามัคคีกัน เราไม่โอเคเลย ไม่อยากมีส่วนร่วมในนี้

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น บังเอิญมีน้องนักศึกษาฝึกงาน เอาเอกสารมาให้เซ็น ปรากฎว่าเงินกลายเป็น 15,000 บาท เปิ้ลก็งง แต่พอเปิ้ลเห็นจำนวนเงิน คุณ บ. เขาก็กระชากค่าตัวเปิ้ลไป แต่น้องเขาก็กระชากมาให้เปิ้ลเซ็นให้ได้ แล้วเขาก็เอาเงินยัดใส่มือเปิ้ล เปิ้ลก็เอาเงินยัดใส่กระเป๋า แล้วก็จะไปให้สัมภาษณ์นักข่าว เลยเอากระเป๋าวางบนโต๊ะ ห่างจากจุดสัมภาษณ์ประมาณ 3 เมตร นั่นแหละทุกคนหาว่า เปิ้ลไปกล่าวโทษเขา แต่เรามีสิทธิ์ที่เราสงสัย เพราะเขายืนอยู่ตรงนั้น มีแค่เขาสองคน

แล้วตอนที่สัมภาษณ์อยู่ ข้างในเราแตกสลายแล้ว หน้าถึงออกมาดูไม่มีความสุข ซึ่งเขาไม่มีสปอร์ตไลท์ให้สักตัว ใครไปยืนก็ดูแย่ไปหมด แล้วตอนที่เราตอบนักข่าวเรื่องการเมืองข้างหน้า ขณะที่หันไปดูด้านขวา ก็เห็นคุณบ. กำลังล้วงกระเป๋าเปิ้ลอยู่ และเราพยายามสบตาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา อยากให้เขาพาเราออกจากวงสัมภาษณ์นี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณปป. เขาเห็นเรา แล้วเขาก็หยิบมือถือมาเล่น ทำเป็นไม่สบตาเรา คุณบ.ก็ล้วงกระเป๋าเราอยู่ตรงนั้น นี่คือสิ่งที่เราไม่ควรได้รับ เพราะจากที่เราคิดแค่ว่าเราอยากมาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้เด็กๆ

แต่สิ่งที่เปิ้ลได้รับหลังจากที่เปิ้ลไปแจ้งความ ถัดไปอีก 2 วัน คุณบ. เขาก็เรียกพรรคพวกนักข่าวไปแถลงข่าวตัวเอง ซึ่งเปิ้ลว่ามันไม่ยุติธรรมเลย แล้วยังมาหาว่าเปิ้ลไปละเมิดลูกเขา ซึ่งเปิ้ลเป็นคนมีเมตตากับเด็กมากๆ หลังจากนั้นอีก 2 วัน คุณปป.ก็เรียกพวกตัวเอง แถลงข่าวตัวเองอีก เขาร้องไห้บอกว่า เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกรังแก ลองคิดกลับกันดูว่า มันควรจะเป็นใคร ที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ถูกรังแก และหลังเขาพูดไปอีก 2 วัน หัวหน้าข่าวเขาก็เปิดแถลงข่าวในองค์กรนั้นอีกครั้ง เปิ้ลโดนด่าซ้ำแล้วซ้ำอีก เจอวิกฤตศรัทธาทั้งปีเลย เปิ้ลโดนแคลเซิลงานเป็นสิบๆ งาน สมปรารถนาพวกเขา แล้วเขาก็ไปฟ้องศาล เพื่อให้เปิ้ลตกเป็นจำเลยอีก

เตรียมฟ้องกลับ เพราะสิ่งที่เจอหนักหนามาก โดนหัวเราะเยาะใส่ ในวันที่ศาลตัดสินเป็นผู้ต้องหา

“วันนี้ศาลตัดสินยกฟ้อง พูดตรงๆ ตัวเปิ้ลเองแทบจะไม่ดีใจอะไร ตัวเปิ้ลพร้อมออกจากวงการบันเทิงอยู่แล้ว เปิ้ลอยู่บ้านตัวคนเดียวมาตลอด ถ้าจะต้องไม่เจอเพื่อนเลย จากการที่รักและเทิดทูนสถาบัน เปิ้ลพร้อมออกจากวงการเลยดีกว่า และตอนนี้เปิ้ลก็เตรียมตัวดำเนินการฟ้องกลับ เพราะสิ่งที่เจอมามันหนักหนาสาหัสมาก ทุกคนเห็นแต่เขาร้องไห้ แต่ทุกคนไม่ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นตึก ตอนที่ศาลตัดสินว่าเปิ้ลเป็นผู้ต้องหา เปิ้ลเดินออกมา เสียงหัวเราะเขาลั่นศาลเลย”

วันนี้พอศาลยกฟ้อง ก็ไม่ได้รู้สึกอยากหัวเราะคืน

“เปิ้ลไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย ไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันของฉัน เปิ้ลแค่อยากให้สังคมเมตตาเปิ้ลบ้าง หรือมองเห็นเจตนาเปิ้ลบ้าง ที่ไปให้สัมภาษณ์ก็เพราะอยากเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้เด็กๆ นะ เรื่องมันตั้งต้นตั้งแต่วันนั้น งานเราควักเงินเกือบล้านในการทำชิ้นหนึ่งด้วยความภูมิใจ แต่ถูกเอาเท้าเหยียบขยี้แหลกสลายหมดเลย พูดตรงๆ ว่า ใจเปิ้ลตอนนี้มันแหลกสลายหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยดด้วยซ้ำ”

น้ำตาคลอเล่าเหตุการณ์ในศาล นั่งร้องไห้เหมือนหมาต้วหนึ่ง

“วันนั้นที่ศาลตัดสินว่าเปิ้ลเป็นผู้ต้องหา เปิ้ลโดนกักตัวตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น แล้วเปิ้ลเดินออกมาคุยโทรศัพท์หน้าศาล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีคนในนั้นตะโกนดังลั่นตึกว่าผู้ต้องหาหนี (น้ำตาคลอ) เปิ้ลจะไม่ร้องไห้ ฟาวเดชั่นเปิ้ลแพงกว่าไอ้พวกนี้อีก มีค่ามากกว่าที่เปิ้ลต้องมานั่งเสียใจให้พวกมันอีก แล้วเขาบอกว่าเปิ้ลต้องติดคุก 1 วัน ก็คิดดูว่าเปิ้ลสมควรฟ้องกลับไหม วันนั้นพอเขาดึงตัวเปิ้ลขึ้นมา เปิ้ลก็พูดกับเขาแล้วร้องไห้ว่าหนูไม่หนีๆ คนเป็นสิบๆ ในศาลยืนมองเปิ้ล เปิ้ลนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเหมือนหมาตัวหนึ่งเลย”

ที่ฟ้องกลับไม่ได้มาจากความแค้น แต่ไม่อยากให้ใครโดนแบบนี้อีก

“ไม่เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ฟ้องกลับ เขาก็ต้องทำอย่างนี้กับคนอื่น ในขณะที่ชีวิตเปิ้ลป่นปี้หมด โดยเขาขยำทิ้งเหมือนเศษขยะชิ้นหนึ่ง แต่เขาได้เป็นพิธีกรเพิ่มอีก 3 รายการ ได้รับความดีความชอบ เปิ้ลกลัวว่า 3 รายการนั้นในวันข้างหน้า เขาจะทำให้เป็นศาลเตี้ย”

เดินหน้าฟ้องกลับพิธีกรปป. ในข้อหาฟ้องเท็จ และเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

“วันที่ 2 นี้ จะเริ่มร่างจดหมายที่จะฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จ คิดว่าไม่เกินต้นเดือนธันวาคมถึงจะฟ้องได้ ก็จะเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท แล้วก็ตั้งใจจะนำเงินทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว เก็บไว้เป็นกองทุนสาธารณกุศล ใครมีวาตภัย อุทกภัย เปิ้ลก็พร้อมใช้เงินก้อนนี้ช่วยเหลือต่อไปค่ะ ส่วนคุณบ.เขาได้รับโทษจำคุก 2 ปี รอลงอาญา พร้อมปรับไปแล้ว 10,000 บาท จากข้อหาลักทรัพย์ค่ะ เพราะมีกล้องวงจรปิดชัดเจนค่ะ ซึ่งคุณปป. ก็ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ติดกัน เปิ้ลมีสิทธิ์สงสัยโดยบริสุทธิ์ใจค่ะ ไม่ได้กล่าวหาเขา แล้วก็กำลังให้ทนายไล่ดู ว่าใครบ้างที่เป็นนักข่าว แล้วก็ออกมาพูดว่าเขาถูกและเปิ้ลผิด ก็มีนักข่าวอยู่ 3 คนที่ออกมาพูดเป็นเรื่องเป็นราวเลย และมีอินฟลูเอนเซอร์ด้วย ที่ด่าเปิ้ลที่บอกว่าเปิ้ลผิดๆ เปิ้ลอยากให้เขาทราบว่าตอนนี้มันสิ้นสุดกฎหมายแล้ว ศาลสั่งยกฟ้องแล้วค่ะ”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *